ความมุ่งมั่น

ด้วยเป้าหมายสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2593 บจ. ไทยแอร์เอเชีย จึงตั้งเป้าหมายในนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อมให้มีความเข้มข้นต่อเนื่องขึ้นในทุกปีในระหว่างทางการไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยอาศัยจากนโยบายภายในบริษัท วิธีการปฎิบัติงาน รวมถึงการจัดหาเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ มาช่วยลดและควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง

การกำกับดูแล

กลยุทธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์

บริษัทยังคงยึดเป้าหมายระยะสั้นตามเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2565 คือการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่ 3 gCO2/RPK โดยในปี 2566 นี้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปริมาณการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 71.8 gCO2/RPK ซึ่งลดลงมา 5 gCO2/RPK บรรลุเป้าหมายระยะสั้นที่ตั้งไว้ และสำหรับเป้าหมายระยะยาวในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ในปี 2593 นั้น บริษัทได้ตั้งกลยุทธ์ไว้ 4 อย่างดังนี้

ปริมาณการปล่อย CO2 ต่อปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (gCO2/RPK)

เป้าหมายระยะสั้น
ลด Carbon Intensity Ratio ที่
3 gCO2 /RPK
เป้าหมายระยะยาว
ปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สุทธิเป็นศูนย์

แผนการดำเนินงานสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

  • การใช้เทคโนโลยีอากาศยานล่าสุด
  • การดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชิงสิ่งแวดล้อม
  • การใช้เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน
  • กิจกรรมชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ภาพจำลอง : แนวทางของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยข้อมูลที่แสดงของปี 2561 - 2566 เป็นข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจริง และข้อมูลจากปี 2567 เป้นต้นไปนั้นเป็นข้อมูลจากการคาดการณ์ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย

1. การจัดการฝูงบิน

กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้ทำการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321neo โดยนำมาแทนที่และเปลี่ยนจากฝูงบินรุ่นเก่าภายในปี 2578 โดยเครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะมีที่นั่งผู้โดยสารเพิ่มมาเป็น 236 ที่นั่งสามารถรองรับการให้บริการผู้โดยสารที่มากกว่าเครื่องรุ่นเดิม 56 ที่นั่งในปริมาณการใช้น้ำมันที่น้อยกว่าประมาณร้อยละ 15-20 ทำให้โดยภาพรวม จะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง ร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่น A320 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยมีแผนที่จะทยอยรับเครื่องรุ่นใหม่เข้ามาในฝูงบินเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งมีแผนงานจะรับเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเข้ามาทดแทนเครื่องรุ่นเก่าในฝูงบินปีละ 3 - 5 ลำไปเรื่อย ๆ จนครบทั้งฝูงบินในปี 2578

จำนวนอากาศยานในฝูงบินของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย ในปี 2566

2. ปฏิบัติการบินสีเขียว

ปฏิบัติการบินสีเขียวเป็นโครงการประหยัดเชื้อเพลิงของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งแสดงถึงความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท โดยบริษัทพยายามรักษามาตรฐานในการควบคุมความเข้มข้นของคาร์บอนให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ทั้งเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้ในปี 2566 บจ. ไทยแอร์เอเซีย ยังได้นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้งานเพื่อช่วยในการลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องบิน คือ การเลือกใช้ความเร็วของเครื่องบินอย่างเหมาะสมเข้าไปในกระบวนการของนักบิน ซึ่งจะเข้ามาช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันของเครื่องบินในระหว่างการไต่ความสูงขึ้นไปวางระดับ ซึ่งจะสามารถลดการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย 70 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน โดยอาศัยหลักการการนำข้อมูลความเร็วและทิศทางของลมในแต่ละช่วงความสูงตลอดการไต่ระดับของเครื่องบินมาคำนวนหาความเร็วของเครื่องบินที่เหมาะสมและประหยัดน้ำมันสูงสุด

บริษัทใช้ขั้นตอนการปฏิบัติการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 15 ขั้นตอน โดยมีขั้นตอนหลักดังต่อไปนี้

การประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงตามปฏิบัติการบินสีเขียว

ปริมาณ CO2 เฉลี่ยที่ลดลงจากแต่ละกระบวนการ

3. การใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน

เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เพื่อเข้ามาใช้ทดแทนน้ำมัน Jet A-1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทางหนึ่ง โดย SAF เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพทางเลือกเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงที่ผลิตจากฟอสซิล หากมีการใช้ในสัดส่วนที่เหมาะสมจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับน้ำมัน Jet A-1 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการบินได้มีข้อจำกัดในการใช้ SAF อันเนื่องมาจากราคาของ SAF ที่มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 3 เท่าตัวของน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน ทำให้ยังไม่มีสายการบินไหนที่นำ SAF มาใช้ทำการบินในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนนี้ บริษัทได้ตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องบินตระกูล Airbus 320 ซึ่งเป็นฝูงบินหลักของบริษัท ว่าสามารถรับรองการใช้งาน SAF ได้ในอัตราส่วนผสมร้อยละ 50

กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้วางกลยุทธ์ในการจัดหา SAF ในปริมาณที่บริษัทวางแผนใช้้ รวมถึงติดต่อคู่ค้าน้ำมันภายนอกประเทศ และในปี 2566 บริษัทได้จัดประชุมทำการหารือกับคู่ค้าน้ำมันภายในประเทศและบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องการจัดหา SAF และเพื่อให้เห็นภาพรวมของแผนการผลิต การจัดจำหน่าย รวมถึงราคาตลาด ทั้งนี้ บริษัทมีการประชุมเป็นระยะถึงความคืบหน้าของโครงการ และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส

4. การจัดหาคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกไป

ในปี 2566 นับเป็นปีแรกที่ธุรกิจการบินทั่วโลก รวมไปถึง บจ. ไทยแอร์เอเซีย เริ่มกลับมาทำการบินในปริมาณเที่ยวบินที่ใกล้เคียงกับช่วงปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้สายการบินต่างๆ เริ่มมองหาคาร์บอนเครดิต เพื่อมาชดเชยกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในการกำหนดให้สายการบินทำการหาคาร์บอนเครดิตมาชดเชย หากมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าค่าตั้งต้นที่กำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ในส่วนความร่วมมือกับภาครัฐ ทาง บจ. ไทยแอร์เอเซีย ได้ส่งตัวแทนเข้าเป็น คณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภาคการบิน ที่จัดตั้งโดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เพื่อมีส่วนในการร่างแผนปฎิบัติการอนุรักษ์พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกภาคการบิน รวมถึงการปฎิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ในมาตรการต่างๆ เช่น การส่งรายงานปริมาณการใช้น้ำมันอากาศยาน รายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการปฎิบัติตามแผนปฎิบัติการอนุรักษ์พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกภาคการบิน เป็นต้น

ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 1

การเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 1 ของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย ไม่รวมถึงส่วนงานของแผนกปฏิบัติการภาคพื้น โดยปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากแผนกปฏิบัติการบินเป็นไปตามหลักการเก็บข้อมูลแบบ Block-on, Block-off ตามรูปแบบที่ใช้ในการเก็บข้อมูลของ CORSIA บริษัทประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้างอิงจาก Emission Factor ตามมาตรฐานของ ICAO สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทมีความตั้งใจที่จะปรับปรุงการใช้ยานพาหนะและอุปกรณ์ลานจอดให้เป็นการใช้พลังงานจากไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ บริษัทจะศึกษาความพร้อมของการใช้งานและปรึกษากับผู้มีส่วนได้เสียในอนาคตต่อไป

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 2

การเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 2 ของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย จากการใช้พลังงานไฟฟ้าของสำนักงานดอนเมืองและตึกแอร์เอเชีย อะคาเดมี่ (ไม่รวมสำนักงานและสถานประกอบการอื่นๆ) และบริษัทคำนวณและประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวทางของ อบก.

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 3

ขอบเขต 3 - Category 3 น้ำมันเชื้อเพลิงและการใช้พลังงาน ที่ไม่ได้อยู่ใน Scope 1 และ 2

ขอบเขต 3 - Category 6 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ เช่น พนักงานหรือผู้บริหารเดินทางไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กร

บริษัทได้เริ่มติดตามการปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 3 ตั้งแต่ปี 2565 การปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 3 ประกอบด้วยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินจากคู่ค้าและการเดินทางเพื่อธุรกิจของพนักงาน โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดเผยหมวดหมู่เพิ่มเติมตามที่ระบุไว้ในพิธีสารก๊าซเรือนกระจกได้ในอนาคต

แผนการดำเนินงานในอนาคต

กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียเตรียมการสำหรับ CORSIA ในเฟสแรกที่จะเริ่มต้นปี 2567 โดยต่อยอดจากสิ่งที่ได้เริ่มไปในปีที่แล้ว การลดค่าตั้งต้นสำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ CORSIA สำหรับประเทศสมาชิกลงเหลือร้อยละ 85 จากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2562 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากระยะก่อนหน้ามาสู่ระยะปัจจุบัน

เนื่องจากการคาดการณ์ทางอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ระบุว่าตลาดการบินระหว่างประเทศจะฟื้นตัวเต็มที่ภายในปี 2567 เป้าหมายหลักของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียคือการรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทไปพร้อมๆ กับการยึดมั่นในมาตรฐานการกำกับดูแล บริษัทเตรียมพร้อมที่จะจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดในการชดเชย เช่นเดียวกับการสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นดังกล่าวแก่สาธารณะ

การพัฒนาที่ได้วางแผนไว้ ได้แก่ การประกาศความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และการลงทุนในกลยุทธ์การลดการปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ บริษัทจะกระชับความสัมพันธ์กับหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลต่อไป เพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นของบริษัทเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศซึ่งอาจ ส่งผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมการบิน