AAV ประกาศผลประกอบการทางการเงิน ไตรมาส 3 ปี 2568

- รายได้การขายและให้บริการรวม 9,276 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
- กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 361 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ (875) ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
- ขนส่งผู้โดยสารประจำไตรมาสรวม 4.73 ล้านคน ลดลงร้อยละ 3 อัตราการขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 80
- เสริมเเกร่งกลยุทธ์ตลาดในประเทศ เพิ่มปริมาณที่นั่งร้อยละ 19 ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งที่ร้อยละ 39
- พร้อมรองรับความต้องการเดินทาง ที่คาดว่าจะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี
กรุงเทพฯ, 13 พฤศจิกายน 2568 – บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย (TAA) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 AAV มีรายได้จากการขายเเละให้บริการรวม 9,276 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงร้อยละ 3 ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่ปรับลดลงร้อยละ 12 มาอยู่ที่ 1,633 บาท และเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของอุตสาหกรรมการบิน
ในขณะที่ต้นทุนการขายและบริการลดลงร้อยละ 2 จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับประสิทธิภาพในการบริหารและควบคุมต้นทุนที่ดี แม้มีการให้บริการเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร ("CASK") ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 361 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ (875) ล้านบาท โดยหากไม่รวมผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก (1,238) ล้านบาท เทียบกับกำไรจากการดำเนินงานหลัก 57 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาสนี้ TAA ให้บริการเที่ยวบินรวม 5.93 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 3.90 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.03 ล้านที่นั่ง ลดลงร้อยละ 6 มีจำนวนผู้โดยสารรวม 4.73 ล้านคน ลดลงร้อยละ 3 และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (load factor) เฉลี่ยที่ร้อยละ 80 ณ สิ้นไตรมาสมีฝูงบินรวม 62 ลำ โดยใช้เครื่องปฏิบัติการบิน 54 ลำ
สรุปผลประกอบการรอบ 9 เดือนของปี 2568 AAV มีรายได้จากการขายและให้บริการ 32,322 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยให้บริการ 18.24 ล้านที่นั่ง และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 83 ลดลงจากร้อยละ 91 ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมการท่องเที่ยวที่ชะลอลง บริษัทรายงาน EBITDA อยู่ที่ 4,349 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 36 และยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 727 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 77 ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก (785) ล้านบาท ปรับลงจากกำไรจากการดำเนินงานหลัก 1,552 ล้านบาท ที่รายงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AAV และ TAA กล่าวว่า “ผลประกอบการไตรมาสนี้สะท้อนฤดูกาลและภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่เรายังคงบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเส้นทางบินและฝูงบิน เพื่อให้พร้อมรับดีมานด์ที่คาดว่าจะกลับมาแข็งแรงในช่วงปลายปี ทั้งตลาดในประเทศและตลาดระหว่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นที่ได้รับอานิสงค์ค่าเงินเยนอ่อน รวมถึงอินเดียซึ่งปีนี้มีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง”
“ในไตรมาส 3 เรายังคงทำได้ดีในตลาดในประเทศ ไทยแอร์เอเชียเพิ่มจำนวนที่นั่งที่ให้บริการภายในประเทศร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อตอบรับความต้องการเดินทางที่ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยระหว่างไตรมาสได้เปิดเส้นทางใหม่จากสุวรรณภูมิไปยังบุรีรัมย์ นราธิวาส และสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ตลาดภายในประเทศโดยรวมมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 82 โดยยังคงรักษาส่วนเเบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 39”
สำหรับตลาดระหว่างประเทศ เส้นทางใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และสิทธิเสรีภาพที่ห้า (Fifth-Freedom) ยังได้รับการตอบรับที่ดี โดยเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงคือเส้นทางไทเป–โอกินาวา ในขณะที่ตลาดจีน TAA ได้ปรับลดที่นั่งให้บริการลงในไตรมาสนี้ร้อยละ 38 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยลดลง และรักษาอัตราการขนส่งผู้โดยสารให้อยู่ในระดับร้อยละ 80–85 ส่วนตลาดอินเดียยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย TAA ได้เพิ่มที่นั่งร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมพัฒนาบริการใหม่ๆ เช่น การจำหน่ายบัตรโดยสารพร้อมน้ำหนักกระเป๋าให้ตรงกับความต้องการของผู้โดยสารอินเดียมากขึ้น
อย่างไรก็ตามภาพรวมของไทยในไตรมาส 3 ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยลดลงร้อยละ 13 อยู่ที่ 7.43 ล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นเเละข่าวความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยนักท่องเที่ยวจากจีนยังลดลงสูงถึงร้อยละ 37 อยู่ที่ 1.15 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียใต้และยุโรปยังเติบโตดี เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และร้อยละ 8 ตามลำดับ
“บริษัทเชื่อมั่นผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณการเดินทางสูง โดยเราเพิ่มโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านบริการต่อเที่ยวบิน Fly Thru เชื่อมเส้นทางต่างประเทศสู่ปลายทางในประเทศทุกภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้ได้รับเเรงเสริมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวจากภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวดีมีคืน มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวสิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศ โครงการคนละครึ่งพลัส กระตุ้นการใช้จ่าย ที่จะช่วยสนับสนุนความต้องการเดินทางภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ” นายสันติสุขกล่าว
ทั้งนี้ จากการปรับโครงสร้างของกลุ่มแอร์เอเชียสำนักงานใหญ่ในประเทศมาเลเซีย บริษัทประเมินว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของไทยแอร์เอเชีย ซึ่งยังคงให้บริการเที่ยวบินและดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทสัญชาติไทยตามปกติ โดยผู้ลงทุนและผู้สนใจควรติดตามข้อมูลจากการเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหลักหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม